[SF]….Behind the s(ex)cenes…มอม

.

.

.

คัท!!”

ทันทีที่เสียงสั่งคัทของผู้กำกับดังขึ้นร่างทั้งสองร่างที่กำลังแนบชิดกันอยู่บนเตียงหลังเล็กก็ผละออกจากกันแทบจะทันที ก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปนั่งคนละมุมเตียงเพื่อสงบสติอารมณ์

“ลั่วอิน นายตัวแข็งมาก เกร็งอะไรนักหนา”

ผู้กำกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดนี่ก็ปาไปซีนที่เท่าไหร่แล้วเขาทั้งบอกทั้งปฎิบัติให้ดูจนเหนื่อย แต่สวี่เว่ยโจวที่รับบทเป็นป๋ายลั่วอินนั้นนอนตัวเกร็งปล่อยให้กู้ไห่กอดซุกไซร้อย่างไม่ขัดขืน นี่มันแหกบทชัดๆ!!

“ขอโทษครับ…ผมขออีกเทค”

เว่ยโจวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายอมรับว่ายังเกร็งกับฉากที่ต้องซุกไซร้เนื้อแนบเนื้อกับผู้ชายตัวโตๆด้วยกัน ยิ่งไอ้ผู้ชายคนนั้นตัวใหญ่ยักษ์ยังกับหมีควายหลงป่า เขาก็ยิ่งคิดไม่ตก ทั้งๆที่ก่อนจะถ่ายทำเคยอ้อนวอนผู้กำกับไว้แท้ๆว่าเขาขอเปลี่ยนเป็นกู้ไห่แทนได้ไหม เพราะการที่จะให้ผู้ชายแมนทั้งแท่งอย่างสวี่เว่ยโจวมาเป็นฝ่ายรับนั้นมันคงดูตลกพิลึก แต่ฝ่ายทีมงานกลับบอกว่าทักษะการแสดงของเขานั้นดีกว่าจิ่งหยูวมาก บทป๋ายลั่วอินเข้าถึงอารมณ์ได้ยากกว่าบทกู้ไห่ เขาเหมาะสมแล้วที่จะได้รับหน้าที่นี้ เมื่อเว่ยโจวได้ยินดังนั้นก็ต้องตอบตกลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่เห็นว่าทีมงานเห็นในความสามารถหรอกนะถึงยอม…

“นายกลัวฉันรึไง”

หวงจิ่งหยูวหัวเราะขบขันก่อนจะรวบคออีกฝ่ายแล้วดึงเข้ามาแนบชิดกันแถมยังแอบดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากกลุ่มผมนุ่มนิ่มเหมือนขนแมวนั่นจนเต็มปอด…ชื่นใจเป็นบ้า…

“ถอยออกไปเลย”

เว่ยโจวหน้าง้ำงออย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะผลักอกหนาให้ออกห่างจากตัว เขาไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กบอบบางอะไรเลยทั้งส่วนสูงรูปร่างและกล้ามเนื้อก็มีเหมือนที่ผู้ชายหุ่นดีทุกคนควรมี แต่พอได้มาเจอกับไอ้หมีควายนี่เขากลับดูตัวหดลงไปมาก ทั้งที่ส่วนสูงก็ไม่ต่างกันมากแต่ความหนาของลำตัว แขน แผ่นอก ไอ้หมอนี่มันชนะขาดรอย โดนมันกอดทีไรเหมือนจะจมหายเข้าไปในอกทุกครั้ง ทำเอาความภาคภูมิใจในรูปร่างของเขาหดเข้ากระดอง พับผ่า!

“เหอะ!แค่นี้ทำเป็นหวง ทีตอนนายนอนแล้วละเมอเข้ามากอดฉันเป็นลิงนี่ยังไม่บ่นเลย”

จิ่งหยูวผลักหัวคนตรงหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยวในท่าทางเหวี่ยงๆนั่น ดูทำหน้าเข้าสิน่ากลัวจะตายห่า ปากแดงๆตุ่ยๆนั่นมันน่าจับมากระแทกด้วยปากซะให้เข็ด! จิ่งหยูวสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆนี่ออกไปจากหัว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาเริ่มสนใจในตัวของสวี่เว่ยโจว อาจจะเพราะไอ้ท่าทางห่ามๆที่แสนจะขัดกับหน้าตานี่ละมั้ง ดูแล้วเพลินตาดี น่ารักเป็นบ้า

“พูดมากหวะ”

เว่ยโจวทำหน้าเหวี่ยงใส่คนที่อายุเยอะกว่าก่อนจะหันไปหยิบบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบแก้เครียด เขาแค่รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ไม่สามารถแสดงออกไปได้ดีเท่าที่ควรจนนึกรู้สึกผิดกับผู้กำกับและทีมงานไม่น้อยที่ต้องอดหลับอดนอนกันเพราะฉากนี้ เขาจะหวั่นใจอะไรนักหนาก็แค่หลับๆตาแสดงไปคิดซะว่าไอ้หมีควายนั่นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักๆสักคนก็สิ้นเรื่อง…กลัวอะไรกันนะสวี่เว่ยโจว กลัวที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกันหรือกลัวที่เผลอใจไปกับผู้ชายคนนี้กันแน่…

“เอาล่ะๆ ฝืนไปยังไงวันนี้ก็คงไม่ได้เรื่อง พวกนายไปพักผ่อนกันเถอะ เลิกกองได้”

ผู้กำกับเห็นท่าทีว่านักแสดงฝ่ายรับของเขาเริ่มสติแตกฟุ้งซ่านแล้วจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนเพราะนี่ก็ปาไปจะเที่ยงคืนแล้วจะได้มีแรงมาลุยงานต่อในวันพรุ่งนี้กัน

“ขอโทษทุกคนด้วยครับ เพราะผมเลยต้องลำบากกันขนาดนี้”

สวี่เว่ยโจวรีบดีดมวนบุหรี่นั่นทิ้งทันทีก่อนจะลุกขึ้นโค้งตัวขอโทษพี่ๆทีมงานและผู้กำกับยกใหญ่ ทุกคนมองภาพตรงหน้าด้วยความเอ็นดูในตัวเด็กคนนี้ เว่ยโจวเป็นคนที่ทุ่มเทในงานมากเขาไม่เคยทำอะไรให้ทีมงานรู้สึกแย่เลยแม้แต่น้อย สัมมาคาราวะก็ดี แถมยังถ่อมตนและให้เกียรติผู้อื่นเสมอ เป็นน้องชายที่น่ารักของทุกคนเลยจริงๆ หวงจิ่งหยูวมองภาพที่ผู้ชายตัวสูงกำลังก้มโคงขอโทษขอโพยแล้วก็ทำให้อดยิ้มมุมปากไม่ได้ นี่ถ้ามีหูเหมือนแมวคงลู่ตกได้อย่างน่าสงสารไม่หยอก หึหึ

“ไม่เป็นไร น่าไม่ต้องคิดมากหรอก”

“ซ้อมบ่อยๆเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง เนอะจิ่งหยูว”

“นอนห้องเดียวกันก็ตั้งใจซ้อมนะตั้งใจซ้อม ไม่ใช่นอกบทกันนะเว้ยฮ่าๆ”

พี่ๆทีมงานร้องแซวขึ้นมาจนทำให้แก้มขาวๆนั่นขึ้นสีแดงหน่อยๆก่อนจะหัวไปมองไอ้ฝ่ายรุกที่ตอนนี้ยืนยิ้มระรื่นอยู่ข้างๆเขา เอาศอกกระทุ้งตัวมันไปทีนึง หมั่นไส้ในความมั่นหน้ามั่นใจพ่อพระเอกของกอง

“ไปหาอะไรกินกัน”

เว่ยโจวเดินตามแรงลากถึกควายทนนั่นออกมาเพราะต้านทานแทบไม่ไหว แรงเยอะชิบหาย!       ทั้งคู่เดินเรื่อยเปื่อยจนถึงร้านเล็กๆริมทางร้านนึง จิ่งหยูวจัดการสั่งอาหารทั้งหมดก่อนจะจบด้วยเบียร์เย็นๆมาจิบเพื่อให้หายเหนื่อยจากการทำงาน พออาหารมาไอ้เด็กแสบตรงหน้าก็เอาแต่นั่งจิ้มอาหารไปมาไม่ลงมือกินซะทีจนเขาเริ่มรู้สึกไม่อร่อยไปด้วย

“เป็นอะไร หืม”

เขาเอ่ยถาม เว่ยโจวเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะหยิบบุหรี่อีกตัวออกมาจากกระเป๋ายังไม่ทันที่จะได้จุดไฟ ไอ้คนตรงหน้าก็ดึงออกแล้วโยนทิ้งลงไปในท่อน้ำซะแล้ว เขาหงุดหงิดจนแทบจะลุกไปบีบคอมันให้ตายคามือ!

“ทำบ้าอะไรวะ!”

“กินเข้าไปซะ ทำหน้าเบื่อโลกเหมือนจะตายวันตายพรุ่ง คนอยู่ด้วยมันไม่เจริญอาหาร!”

จิ่งหยูวคีบเนื้อผัดใส่จานอีกคนก่อนจะบังคับให้เด็กแสบตรงหน้ากินข้าวซะบ้างเพราะตอนนี้สวี่เว่ยโจวเริ่มผอมลงไปเยอะ เมื่อก่อนตอนเจอกันครั้งแรกทั้งไหล่ทั้งตัวก็ดูหนาพอกันแล้วดูตอนนี้สิตัวหดลงยังกับเด็กม.ปลายวัยกำลังแตกหนุ่มถึงจะสูงแต่ตัวก็กลับดูเพรียวบางลงกว่าเดิมมาก นี่มีแต่เจ้าตัวล่ะมั้งที่คิดว่าตัวเองยังคงตัวใหญ่ไหล่หนาเหมือนเมื่อก่อน

“เฮอะ”

ด้วยความรำคาญจากคนแก่ขี้บ่นเขาจึงจัดการคีบชิ้นเนื้อเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆตั้งหน้าตั้งตากินจนแก้มขาวๆนั่นแทบแตก จิ่งหยูวนั่งมองภาพทั้งหมดก่อนจะหลุดยิ้มออกมา น่ารักเป็นบ้าเลยโว้ย!

“ประสาทเหรอ มานั่งมองคนอื่นกินข้าว”

เว่ยโจวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่น้อยไม่ชอบให้คนมานั่งจ้องหน้าแบบนี้เลยให้ตายเหอะ!

“เบียร์ไหม”

หวงจิ่งหยูวเมินท่าทางหงุดหงิดนั่นด้วยความเอ็นดู ดุยังไงของเขานะเหมือนแมวตัวโตๆชะมัด…ริมฝีปากระบายยิ้มออกมาอย่างขบขันในท่าทางโมโหของคนตรงหน้าก่อนจะยื่นขวดเบียร์ไปให้ เว่ยโจวมองมันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธทันที เขาถูกกับแอลกอฮอลล์ซะที่ไหนกันแค่เบียร์กระป๋องยังทำเอาสติหลุดลอยไปไหนต่อไหน

“เอาน่าสักหน่อย จะได้หายเหนื่อย”

ฝ่ายคนพี่ก็ยังคะยั้นคะยอยัดเยียดขวดเบียร์ให้จนเว่ยโจวตัดรำคาญด้วยการรับมันมาแล้วยกกระดกขวดจนของเหลวสีใสไหลออกมาจากมุมปากผ่านสันกรามได้รูปลากผ่านลำคอขาวที่ตอนนี้เริ่มขึ้นเป็นสีแดงจางๆเพราะฤทธิ์ของน้ำเมา หวงจิ่งหยูวมองภาพตรงหน้าด้วยสติที่พล่าเบลอ เขากลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ…เซ็กซี่เป็นบ้า…

เวลาผ่านล่วงเลยไปเกือบตีหนึ่งกว่าๆหวงจิ่งหยูวยังคงมีสติเต็มร้อยเบียร์หกขวดที่ยัดห่าลงไปเหมือนน้ำเปล่าไม่ระคายกระเพาะเขาสักนิด ต่างจากอีกคนที่กินไปแค่สองขวดตอนนี้นั่งนิ่งซะเรียบร้อยเชียว

“โจว”

จิ่งหยูวเรียกคนตรงหน้าที่ตอนนี้มีอาการมึนงงสับสนในชีวิต

“…”

“โจวโจวกลับห้องกัน”

จิ่งหยูวดึงอีกคนให้ลุกขึ้นตามมาก่อนจะเดินไปจ่ายเงินค่าอาหารให้เรียบร้อย เขาเดินจูงมือไอ้เด็กแสบที่ตอนนี้เรียบร้อยซะจนนึกว่าเป็นใบ้ อาจจะเพราะอากาศที่หนาวทำให้มือที่เล็กกว่านั่นบีบฝ่ามือของเขาไว้ซะแน่น

“หนาวเหรอ?”

ร่างสูงใหญ่หันไปถามคนข้างกาย เว่ยโจวพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ จิ่งหยูวเห็นดังนั้นก็ระบายรอยยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไอ้เด็กขี้เมาตรงหน้า อุ้งมือใหญ่บีบกระชับมือที่เล็กกว่าให้แน่นขึ้นก่อนจะดึงเข้ามาไว้ในช่องเสื้อฮู้ดตัวหนาของตัวเอง เว่ยโจวมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยอาการมึนงงเขากำลังจะดึงมืออกแต่กลับถูกมือใหญ่ๆนั่นรั้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นจึงปล่อยเลยตามเลยไป เดี๋ยวก็ถึงห้องแล้ว อากาศหนาวแบบนี้ผู้ชายสองคนจับมือกันคงไม่แปลกอะไรหรอกมั้ง อยู่แบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน…

.

.

ทันทีที่ถึงห้องพักจิ่งหยูวก็ดันตัวไอ้เด็กแสบที่ตอนนี้ไร้สติเพราะแอลกอฮอลล์เข้าไปอาบน้ำทันที ผ่านไปสักพักสวี่เว่ยโจวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่สิ่งที่หวงจิ่งหยูวสนใจก็คือชุดนอนของคนที่พูดนักพูดหนาว่าตัวเองนั้นชายแท้แน่นอนเป็นเหล็กที่ยอมหักไม่ยอมงอต่างหาก…ไอ้เสื้อยืดสีขาวย้วยๆพิมพ์ลายแมวกับกางเกงนอนขาสั้นเลยเข่าอวดเรียวขาขาวๆนี่มันอะไรกันวะ!! ร้อยวันพันปีเห็นใส่แต่ขายาว ไหนจะผมหน้าม้าที่ปกติเจ้าตัวมักจะเซ็ทให้มันตั้งตอนนี้มันลงมาปรกหน้าเรียวได้รูปนั่นไว้จนทำให้หน้าหวานขึ้นไปอีก

เว่ยโจวเดินมาที่เตียงก่อนจะทิ้งตัวฟุบลงไปอย่างหมดแรงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่เขาไม่ค่อยจะถูกกับมันมากนัก

จิ่งหยูวเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายตัวเองบ้างระหว่างที่อาบน้ำเขาก็คิดทบทวนถึงอีกคนเล่นเพลินๆ…ทำไมสวี่เว่ยโจวตัวหอมนักนะ ทั้งๆที่ก็ใช้สบู่ยี่ห้อเดียวกันแท้ๆแต่พออยู่บนเรือนร่างขาวๆนั่นมันกลับหอมออกมาแปลกๆเป็นกลิ่นที่ยั่วยวนโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ.. นึกไปพลันไอ้น้องชายตัวดีที่หลับใหลตอนนี้เริ่มตื่นขึ้นมา เขาเมินอาการเรียกร้องของมันก่อนจะสะบัดความคิดฟุ้งซ่านนั่นออกไปจากหัว

เรือนร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพกางเกงนอนขายาวตัวเดียว เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยตั้งแต่ลาดไหล่หนาไปจนถึงเอวสอบ ดวงตาคมจ้องมองร่างสูงโปร่งของใครอีกคนที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่…สงสัยจะเมาจริงๆแฮะ

“โจวโจว”

เขาเดินเข้าไปหาก่อนจะสะกิดเรียกให้อีกคนตื่นเพื่อเปลี่ยนท่านอน เล่นฟุบหน้าลงกับหมอนอย่างนี้หายใจไม่ออกกันพอดี

“…”

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายจิ่งหยูวเลยจัดการพลิกตัวอีกคนให้นอนหงาย เขาสะดุดไปเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า ไอ้เด็กตัวขาวที่ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวขึ้นสีแดงเรื่อไปหมดเพราะฤทธิ์ของเบียร์ ดวงตาคู่สวยปรือปรอยเหมือนคนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่…ทำไมยั่วขนาดนี้วะ!

รู้สึกตัวอีกทีเขาก็เผลอขึ้นคร่อมเหนือร่างอีกคนไว้ซะแล้วใบหน้าคมเลื่อนลงไปใกล้ซอกคอขาว ไม่ทันได้ทำอะไรจู่ๆคนใต้ร่างก็พูดออกาด้วยเสียงอ้อแอ้แทบฟังไม่ได้ศัพท์

“กู้ไห่..”

หวงจิ่งหยูวเผลอหลุดขำออกมานี่คนตรงหน้าเขาอินกับบทป๋ายลั่วอินขนาดไหนแล้วเนี่ย สงสัยจะเครียดเรื่องฉากนี้มากขนาดเมาแล้วยังเก็บมานึกถึงมันได้

“ว่าไงอินจื่อ”

ในเมื่อคนตรงหน้านึกว่าเขาเป็นกู้ไห่ ก็ขอโอกาสสวมบทป๋ายลั่วอินให้หน่อยละกัน ถือว่าเป็นการซ้อมบทไปในตัวนะเนี่ย…ไม่ได้คิดอยากจะฉวยโอกาสจากคนเมาเลยแม้แต่น้อย หึหึ

“กู้ไห่…นายจะทำอะไร”

ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมองคนด้านบน จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาผลักคนตรงหน้านี่ออกไปตามบท แต่เรี่ยวแรงที่มีมันน้อยซะจนอีกฝ่ายไม่กระดิกเลยแม้แต่นิดเดียว หวงจิ่งหยูวจ้องเรียวปากอวบอิ่มที่ขึ้นสีแดงจัดตรงหน้า เสียงแหบพร่าที่หลุดออกมาจากปากสวยๆนี่ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปบดเบียดริมฝีปากเข้าด้วยกัน ฟันเขี้ยวของเขากระแทกเข้ากับเรียวปากอีกคนจนเจ้าตัวสะดุ้งเบาๆ

“อินจืออา.”

เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างใบหูที่ขึ้นสีแดงจัดนั่น ทำให้ขนอ่อนทั่วร่างลุกชูชัน เว่ยโจวที่ตอนนี้กำลังคิดว่าตัวเองเป็นป๋ายลั่วอินเริ่มดิ้นขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย

“กู้ไห่!ไม่…อย่าทำแบบนี้!”

“อินจื่อ…ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

“ไม่!”

เว่ยโจวที่เริ่มออกแรงขัดขืนไปตามบทพยายามหันหน้าหลบใบหน้าคมที่พยายามจะประกบปากจูบกับเขา จิ่งหยูวมองท่าทางขัดขืนนั่นด้วยอารมณ์ที่เริ่มครุกกรุ่นขึ้นมา…ตัวขาวๆที่อยู่ใต้ร่างเขา กลิ่นตัวหอมฟุ้งนี่ทำให้หวงจิ่งหยูวลืมบทกู้ไห่ไปอย่างสิ้นเชิง

“กู้ไห่!อื๊ออ!!”

ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างตกใจเพราะเรียวปากของคนด้านบนที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วแถมยังจะพยายามจะสอดลิ้นเข้ามาอีก ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงมาล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวหลวม ลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือนั่นอย่างเพลิดเพลินก่อนจะเลื่อนขึ้นไปนวดคลึงกับยอดอกสีสดที่ตอนนี้เริ่มแข็งขืนสู้มือ…นี่มันชักจะนอกบทแล้ว!

“ย..อย่า”

หวงจิ่งหยูวที่ตอนนี้สภาพเหมือนคนมึนเมาหน้ามืดเพราะผิวกายขาวๆที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อนี่ยั่วยวนเกินจะห้ามใจ ส่วนกลางลำตัวที่ถูกกระตุ้นตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำค่อยๆแข็งขืนขึ้นมาจนเจ้าตัวต้องนิ่วหน้าเพราะอารมณ์วูบหวามที่จู่โจม

“อืม..โจวโจว”

จิ่งหยูวสอดตัวเข้าไประหว่างขาเรียวทั้งสองข้างฝ่ามือใหญ่จัดการดึงเสื้อยืดตัวใหญ่นั่นขึ้นมากองไว้ที่คอจนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวกับตุ่มไตสีสด ใบหน้าคมก้มลงไปหาเป้าหมาย ลิ้นอุ่นชื้นลากผ่านเป็นการทักทายก่อนจะดูดดุนเนินเนื้อนั่นเบาๆเป็นการหยอกล้อ

สวี่เว่ยโจวที่ตอนนี้สติเริ่มถูกกลืนกินเพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ดิบแถมแอลกอฮอลล์ในร่างกายที่ยังคงค้างอยู่นี้ทำให้การควบคุมตัวเองเป็นศูนย์

“ฮะ..กู้ไห่อาาาา”

แผ่นอกขาวแอ่นขึ้นรับสัมผัสของโพรงปากอุ่นที่ครอบครองลงมา มือเรียวสอดเข้าไปหลังต้นคอแกร่งก่อนจะนวดคลึงท้ายทอยนั่นอย่างเผลอตัวจนเสียงทุ้มต่ำหลุดครางออกมาแผ่วเบาอย่างพอใจ…นี่มันยั่วกันชัดๆ ไอ้ขี้เมานี่!!

“กู้ไห่..อืออ ดูดแรงๆสิ”

เสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นก่อนมือเรียวจะกดใบหน้าคมให้แนบชิดไปกับแผ่นอกตัวเอง แต่ชื่อที่ถูกเรียกกันหลุดออกมาจากเรียวปากสีสดก็ทำให้อีกคนอดคิ้วกระตุกไม่ได้…เดี๋ยวนะ…นี่ไอ้คนตรงหน้ายังคนอินว่าเขาเป็นกู้ไห่อยู่หรอกเหรอเนี่ย มันใช่เรื่องไหม!

“เห้ย!สวี่เว่ยโจว”

ฝ่ามือใหญ่ตบเบาๆที่ข้างแก้มขาวเพื่อเรียกสติ ร่างข้างใต้ช้อนตาขึ้นมามอง ดวงตาปรือปรอยที่จ้องกันมานั้นทำเอาคนถูกมองใจกระตุกวูบ แก่นกลางลำตัวขยายขึ้นกว่าเดิมบ่งบอกถึงแรงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งทะยานขึ้นสูง

“กู้ไห่…เอาฉันที”

“ห้ะ!!?”

หวงจิ่งหยูวตกใจจนแทบช็อคเพราะคำพูดที่หลุดออกมาจากไอ้ขี้เมานั่น เขาจดจ้องร่างขาวๆที่ตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุขมือเรียวนั่นลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของตัวเองก่อนจะไปหยุดอยู่กลางลำตัวนั่นพอดี หวงจิ่งหยูวเริ่มเหงื่อตกเพราะคนตรงหน้าเขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ เว่ยโจวนวดคลึงแก่นกายที่เริ่มตื่นจนดันเนื้อผ้าขึ้นมาสายตาก็ยังคงจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา

สวี่เว่ยโจวจัดการร่นกางเกงขาสั้นกับชั้นในลงมาอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้โจวน้อยออกมาทักทายร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้แข็งเป็นหินไปเรียบร้อย มือเรียวรั้งชายเสื้อยืดของตัวเองขึ้นมางับเอาไว้ก่อนจะค่อยๆขยับมือที่กอบกุมแก่นกายตัวเองอย่างช้าๆ ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งแรงอารมณ์ เรือนร่างบิดเร่าไปด้วยความเสียวซ่าน สายตาคมกล้าจ้องมองร่างตรงหน้าพร้อมขบกรามกรอดจนเส้นเลือดขึ้นข้างขมับ …ผู้ชายบ้าอะไรวะโคตรเอ็กซ์แตก!!

“กู้ไห่…สัมผัสฉันสิ”

“ฉันไม่ใช่กู้ไห่นะเว้ย!”

“กู้ไห่อาา”

“บ้าเอ้ย!!”

เสียงแหบแห้งสั่นเครือก่อนจะจ้องมองไปที่ดวงตาคมกล้า ทำเอาหวงจิ่งหยูวหมดสิ้นความอดทนทันทีเขาสบถสาบานออกมาก่อนจะกระโจนเข้าไปหาไอ้ขี้เมาช่างยั่วนั่น วินาทีนี้ต้อให้คนตรงหน้าจะเห็นเขาเป็นใครก็ช่างแม่งแล้ว! มือใหญ่กระชากกางเกงคนใต้ร่างออกไปให้พ้นทางก่อนจะร่นทางเกงขายาวของตัวเองออกพอให้สามารถเอาสิ่งใหญ่โตนั่นออกมาได้

“อืออ”

ร่างที่เล็กกว่าเริ่มบิดตัวเร่าๆเพราะอุ้งมือใหญ่กอบกุมแก่นกายของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน ไอร้อนจากความใหญ่โตนั่นแผ่ออกมาจนทำให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยด้วยแรงอารมณ์ หวงจิ่งหยูวเริ่มขยับมืออย่างช้าๆ ความรู้สึกนี้เขาไม่เคยได้รับมาก่อนมันรู้สึกดีจนทำให้เขาแทบสำลักความสุขออกมา กายที่เสียดสีกันและกันทำให้แรงอารมณ์ของทั้งคู่พุ่งทะยานไปอย่างรุนแรง

“ฮ..อ๊า ม..ไม่ไหวแล้ว กู้ไห่ แรงกว่านี้! อึก!”

เว่ยโจวยกมือขึ้นโอบรอบแผ่นหลังกว้างพร้อมกับข่วนเล็บลงไปเพื่อระบายความเสียวซ่าน จิ่งหยูวซี้ดปากเพราะเล็บคมนั่นขูดผิวเขาซะแสบไปหมด เขาจัดการเอาคืนด้วยการรูดรั้งแก่นกายอีกคนอย่างแรงจนร่างข้างใต้เริ่มกระตุกใกล้จะปลดปล่อยเต็มที แต่ก็หยุดการกระทำไว้เพียงเท่านั้นจนอีกคนสะดุ้งเฮือก

“หยุดทำไม”

เว่ยโจวมองตามอีกคนอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจัดการอารมณ์ที่ยังคงค้างคานั่นให้เสร็จกลับถูกมือใหญ่นั่นรวบเอาไว้เหนือหัว….ตอนแรกจิ่งหยูวก็มองว่ามันสนุกดีที่อยู่ๆไอ้ผู้ชายตัวสูงที่ชอบทำตัวห่ามๆลุกขึ้นมาออดอ้อนเป็นแมวแบบนี้แต่เขาชักจะหัวร้อนขึ้นมาจริงๆแล้วนี่สิ สงสัยต้องเรียกสติไอ้ขี้เมาหยำเปนี่จริงๆจังๆซะที

“ฮื่ออ..ปล่อย”

“ไม่”

จิ่งหยูวก้มลงมองร่างที่บิดเร่าๆเพราะต้องการที่จะปลดปล่อยเขาแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มของอีกคนแล้วบังคับให้มองตากัน

“บอกมา…ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านายคือใคร”

“…”

“บอกมาสิ”

สายตาดื้อรั้นนั้นจ้องร่างสูงใหญ่อย่างเจ็บใจ นี่ขนาดเมาไม่ได้สติยังคงความดื้อไว้เหมือนเดิมเลยนะเนี่ย จิ่งหยูวนึกขำในใจ

“ได้..นายอยากลองดีเองนะ”

ใบหน้าคมซุกลงไปที่ซอกคอขาวทันทีลิ้นอุ่นชื้นลากเรื่อยตั้งแต่ซอกคอเรื่อยมาถึงแผ่นอกผ่านไปจนถึงหน้าท้องแบนราบที่มีกล้ามเนื้อพอประมาณ เว่ยโจวตัวเกร็งเพราะสัมผัสวาบหวามที่อีกคนมอบให้ เขาขบกัดริมฝีปากตัวเองไว้ไม่ให้มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ตอนนี้สติที่หายไปเริ่มกลับเข้าร่างแล้วสวี่เว่ยโจวได้แต่กัดฟันเพราะความกระดากอายแล่นพุ่งเข้ามาชนอย่างจัง

“เว่ยโจวอา..มองฉันสิ”

สวี่เว่ยโจวแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดเขาหันไปตามคำชวนของอีกฝ่าย ฝ่ามือใหญ่นั่นกำลังรูดรั้งท่อนเนื้อร้อนพลางมองสบตากับเขาไปด้วย เว่ยโจวตัวร้อนวูบขึ้นมาทันทีกับสายตาร้อนแรงที่จ้องกันไม่วางตา

“โจวโจว อืมมมม ซี๊ดดด”

“ป..ปล่อย”

เขาเอ่ยขอร้องอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นครือ อารมณ์ที่ค้างมาจากเมื่อกี้เริ่มโหมกระพรือขึ้นมาอีกรอบ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยมือให้เขาเป็นอิสระ ร่างที่เล็กกว่าเริ่มดิ้นเบาๆเพราะต้องการที่จะปลดปล่อยความต้องการออกมา หวงจิ่งหยูวตอนนี้เริ่มหน้ามืดเพราะถูกห้วงอารมณ์ดิบกลืนกินตอนแรกกะจะแกล้งไอ้ตัวแสบนี่ให้สำนึกซะหน่อยแต่เป็นเขาซะเองที่ไม่รอด ร่างสูงใหญ่แทรกตัวเข้าไประหว่างขาเรียวจนสะโพกของอีกคนลอยขึ้นมา ก่อนจะนำส่วนใหญ่โตที่ร้อนระอุนั่นมาถูกับร่องสะโพกอิ่มไปมา

“จะทำอะไรน่ะ!”

“ขอเข้าไปนะ…ไม่ไหวแล้ว”

จิ่งหยูวพึมพำอยู่ข้างซอกคอขาวเขาสูดกลิ่นกายหอมจนเต็มปอดก่อนจะแนบเรียวปากอุ่นลงไปเพื่อเป็นการปลอบประโลม

“ไม่!ไม่ใช่ตอนนี้”

เว่ยโจวยืนกรานเสียงแข็งแม้จะเขวไปบ้างเพราะ’ไอ้นั่น’ที่แนบชิดลงมาทำเอาสติกระเจิง เขาดันหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นเอาไว้เป็นการห้ามไม่ให้ลุกล้ำมามากกว่านี้

“เมื่อกี้นายยังบอกให้ฉันเอานายอยู่เลยนี่”

“ไม่!!”

“แต่นายก็พูดมาแล้วอ่ะ”

จิ่งหยูวส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ วันหลังพ่อจะจับมอมเหล้าหนักๆเลยคอยดู!!

ใบหน้าคมเริ่มบึ้งตึง จนอีกคนต้องยอมอย่างเหนื่อยใจ

“ถ้าแค่ข้างนอก…จะทำก็ได้นะ”

“จริงนะ”

“จะทำไม่ทำ”

แทนคำตอบร่างสูงใหญ่ก็ตรงเข้าไปจู่โจมปากแดงๆนั่นทันทีก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปพัวพันกับอีกฝ่ายจนเกิดเสียงน่าอายก้องห้องนอน จิ่งหยูวบดจูบอย่างหนักด้วยความหมั่นเขี้ยว มือใหญ่ทั้งสองข้างเลื่อนมานวดคลึงยอดอกสีสดอย่างแรงจนเจ้าตัวสะดุ้ง

“อึก..อืออ เบาๆ”

จิ่งหยูวไม่สนใจเสียงร้องนั่นเขาเลื่อนใบหน้าลงมาก่อนจะขบกัดลงไปที่ตุ่มไตสีสดนั่นพลางเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย เว่ยโจวเชิดหน้าจนลำคอเป็นเส้นตรง ทั้งเจ็บทั้งรู้สึกดีความรู้สึกมันตีกันจนรวนไปหมด

จิ่งหยูวที่ตอนนี้มัวเมาไปกับร่างกายของคนตรงหน้าจนควบคุมตัวเองไม่ได้เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยออกมา ก่อนจะนำส่วนกลางกายที่ร้อนระอุมาจ่อไว้หน้าช่องทางรักของอีกฝ่ายเขาแนบแก่นกายนั่นไปกับร่องสะโพกนุ่มหยุ่นก่อนจะเริ่มขยับกายช้าๆจนคนที่ถูกลุกล้ำร่างกายภายนอกตัวร้อนวูบขึ้นมาทันที

“อืมม สุดยอดเลย”

ท่อนเนื้อร้อนที่ผลุบเข้าออกถูไถกับบริเวณนั้นทำให้อารมณ์ของทั้งคู่กระเจิดกระเจิง เสียงทุ้มต่ำครางออกมาอย่างพอใจกับรสสัมผัสแบบนี้

“นายรัดฉันแน่นมากเลย อืมม”

หวงจิ่งหยูวที่ตอนนี้จินตนาการว่าส่วนกลางกายของตัวเองได้ลุกล้ำเข้าไปในร่างกายอุ่นตรงหน้านี้เป็นที่เรียบร้อย เชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่านถึงอารมณ์ มือใหญ่กอบกุมสะโพกของอีกคนไว้ก่อนจะสวนกายรุนแรงขึ้น

“อ..อาา เบาๆหน่อยได้ไหม”

เว่ยโจวบอกคนที่กำลังโยกกายอยู่บนร่างเขาให้ระวับอารมณ์ตัวเองซะบ้างเพราะตอนนี้หัวเขาก็เกือบโขกกับหัวเตียงแล้วนี่ขนาดยังไม่ได้สอดใส่ยังรุนแรงขนาดนี้ ถ้าอนุญาติให้มันเข้ามาในตัวเขานี่จะไม่เจ็บตัวยิ่งกว่านี้เหรอ

“ซี๊ดดด สุดยอดไปเลย ข้างในตัวนายมันโคตรอุ่น”

“อ…อึก เข้ามาลึกๆกว่านี้สิ ฮ..อาาา”

ต่างคนต่างหลุดอยู่ในห้วงจิตนาการของตนทั้งคนที่คิดว่าได้สอดใส่และถูกสอดใส่ ร่างที่เล็กกว่าแอ่นตัวขึ้นเพื่อที่จะให้คนด้านบนสัมผัสได้อย่างเต็มที่มากกว่าเดิม แขนแกร่งสอดเข้าใต้เอวเล็กก่อนจะสวนกายแรงขึ้นตามแรงอารมณ์

“อ…อา ทำไมของนายมันใหญ่แบบนี้ อื้อออ”

หวงจิ่งหยูวร้อนวูบทั้งกายเขาไม่เคยมีอารมณ์รุนแรงเท่านี้มาก่อน เพราะคำพูดที่หลุดออกมาจากปากแดงๆที่แสนยั่วยวนนั่น ทำเอาสติขาดผึง เขาขบกรามจนเป็นสันนูนเพื่ออดกลั้นไม่ให้กระแทกกายเข้าไปในตัวไอ้เด็กแสบคนนี้

“อ..อาาา ใหญ่เกินไปแล้ว”

“โจว..อย่าพูด!”

ร่างสูงตรงหน้าพยามยามกลั้นอารมณ์รุนแรงของตัวเองเอาไว้ แต่ไอ้คนช่างยั่วนั่นก็ยังไม่หยุดพูด ก็รู้ว่าเขาพยายามอดกลั้นตัวเองแค่ไหน นี่มันแกล้งกันชัดๆ!

“จิ่งหยูว…ของนายมันทำฉันหายใจไม่ออกแล้ว อ…อื๊อออ”

“โธ่เว้ย!!!”

เมื่อถึงขีดสุดของความอดทนแขนแกร่งนั่นก็ตวัดขาเรียวข้างนึงขึ้นมาพาดบ่ากว้างไว้ก่อนจะกระแทกกายเข้าไปในร่างนั่นจนอีกคนสะดุ้งตัวลอย

“อ…ฮ๊าาาา ไหนบอก อ..อาา จะทำแค่ข้างนอกไง”

“เพราะไอ้คนช่างยั่วน่ะมันนายคนเดียวเลย!!”

จิ่งหยูวขบกรามกรอดเพราะในร่างนั่นตอดรัดเขาจนแทบคลั่ง สะโพกสอบสวนกายเข้าไปอย่างรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์จนคนใต้ร่างหัวสั่นหัวคลอน

“แรงไปแล้ว อื้ออ เบาๆ!”

ร่างสูงใหญ่ไม่ฟังคำอ้อนวอนนั่น เขากระแทกกายเข้าออกถี่ยิบเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน สะโพกบดเบียดกันจนร่างที่เล็กกว่าต้องแอ่นตัวขึ้นตามแรงกระแทก

“อ..โจว สุดยอดเลย”

“อื้อออ”

ใบหน้าคมก้มลงประกบปากจูบกับคนใต้ร่างที่ตอนนี้สติกระเจิงเพราะใกล้ถึงฝั่งของอารมณ์ สะโพกสอบขับเคลื่อนตัวด้วยความรุนแรง ปากก็ระดมจูบเรียวปากอวบอิ่มนั่นจนแดงเจ่อไปหมด ต่างคนก็ต่างกลืนกินอีกฝ่ายอย่างมัวเมาลุ่มหลงในสัมผัสของกันและกัน

“ซี้ดดดด อืมมมม”

“อ..อ๊าาาาาาาาาาาา!”

ร่างสองร่างตอบรับกันจนถึงที่สุดแห่งแรงอารมณ์จิ่งหยูวกระแทกกายเข้าไปในร่างอีกฝ่ายจนสุดก่อนจะแช่ค้างไว้อย่างนั้นแล้วฟุบตัวลงกอดไอ้เด็กแสบนั่นไว้ อีกฝ่ายเมื่อได้ปลดปล่อยหลังจากที่อดกลั้นมานานบวกกับความง่วงและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ผล็อยหลับไปแทบจะทันที

“โจว..”

“…”

“ฝันดีนะ…ป๋ายลั่นอินของฉัน”

หวงจิ่งหยูวเอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวนั่นอย่างเบามือก่อนจะค่อยๆถอนกายออกมาจากร่างตรงหน้า ยอมรับว่ายังไม่เต็มอิ่มแต่วันนี้จะยอมให้ก็แล้วกันเห็นว่าเหนื่อยจากการทำงานในวันนี้หรอกนะ อ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดร่างที่เล็กกว่าเข้ามาซุกที่แผ่นอกเอาผ้าห่มมาคุมกายทั้งคู่ไว้ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราตามอีกคนไป…งานนี้สงสัยต้อง’มอมเหล้าเด็กบ่อยๆซะแล้วสิ เพราะจากเหล็กที่แข็งแกร่งตอนนี้กลับหลอมละลายไปในอ้อมกอดเขาไปซะแล้ว…

.

.

.

.

End

[SF] Huangjingyu x Xuweizhou“งอน….ง้อ”-part2[R18+]

.

.

‘พูดให้มันดีๆนะ!’

“มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่งกู!”

ฝ่ายที่โดนคนอายุน้อยกว่าพูดคำหยาบใส่ขบกรามแน่นเขาไม่ชอบที่เว่ยโจวขึ้นคำหยาบในเวลาที่กำลังโกรธหรือทะเลาะกัน เพราะมันจะทำให้สถานการณ์ดูย่ำแย่ลงกว่าเดิมมาก มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นมาบีบปลายคางมนไว้แน่น ดวงตาคมกล้าจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด จิ่งหยูวพยายามห้ามหัวเองไม่ให้ลงมือทำอะไรรุนแรง แต่สายตาของอีกคนที่จ้องกลับมาอย่างอวดดีนั้นกลับทำให้กองไฟแห่งโทสะยิ่งลุกโชนมากยิ่งขึ้น

อุ้งมือใหญ่ที่แข็งเหมือนคีมเหล็กบีบปลายคางเรียวเล็กจนเจ้าของใบหน้าน้ำตาซึมออกมาที่หางตา เว่ยโจวรู้สึกเจ็บใจและสมเพชในความอ่อนแอนี้แทบบ้า..ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะสู้กับแรงผู้ชายแค่นี้ได้สบายมาก แต่ตอนนี้แม้แต่จะขัดขืนคนตรงหน้านี่เขายังทำไม่ได้ อาจเพราะตัวเขาเองที่อ่อนแอหรือเพราะว่าเป็นคนๆนี้ ร่างกายมันถึงไม่คิดที่จะต่อต้านกัน…

“พูดใหม่!”

“มึงเป็นบ้าหรอวะ! แม่งเอ้ย!เป็นเหี้ยอะไร….!!”

เสียงด่าทอถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อถูกจู่โจมจากคนตรงหน้า จิ่งหยูวกระแทกริมฝีปากลงกับปากอิ่มอย่างแรงทำให้เขี้ยวคมของเขาครูดกับผิวเนื้อหยุ่นจนมีเลือดซึมออกมา คนที่ตัวเล็กกว่าพยายามสะบัดหน้าหนีเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ แต่กลับโดนตรึงหน้าไว้จนไม่สามรถหลบหนีไปไหนได้ จิ่งหยูวรู้ดีว่าฟันเขี้ยวของเขาทำให้เว่ยโจวเจ็บแค่ไหนแต่เขากลับยิ่งบดเบียดริมฝีปากตรงหน้านี่รุนแรงมากขึ้นตามแรงโทสะ ฟันคมจงใจกัดลงไปที่เรียวปากสีสดก่อนจะดูดดุนอย่างรุนแรง ยิ่งเห็นเลือดซึมเขาก็ยิ่งบดปากแรงขึ้นจนร่างในอ้อมแขนเริ่มทุบตีเขาเป็นการประท้วง เว่ยโจวออกแรงทั้งหมดที่มีผลักคนตรงหน้าออก ก่อนจะสวนหมัดเข้าปะทะกับใบหน้าคมสันจนอีกคนหน้าหัน

“แรงใช้ได้นี่”

จิ่งหยูวหันกลับมาแสยะยิ้มเย็นแต่ในแววตากลับว่างเปล่าไร้อารมณ์จนทำให้อีกคนหน้าเสียไปเล็กน้อย ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเช็ดของเหลวสีแดงสดที่ซึมออกมาจากมุมปากก่อนจะใช้ลิ้นเลียเก็บมันเข้าไป

“ชอบใช้ความรุนแรงก็ไม่บอก”

ช่วงขายาวย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่ไม่คิดจะถอยหนี ดวงตากลมโตจงใจมองสบกับเขาโดยไม่หลบกันเลยสักนิด ดี…เก่งให้มันได้ตลอดนะสวี่เว่ยโจว จิ่งหยูวจัดการตวัดร่างที่เล็กกว่าขึ้นพาดบ่าทันที เว่ยโจวทั้งดิ้นและประทุษร้ายร่างกายเขาแถมยังจิกเล็บลงไปที่แผ่นหลังกว้างจนเนื้อแทบจะหลุดติดออกมา

“ปล่อยกู!!”

จิ่งหยูวไม่ฟังคำด่าทอต่างๆที่ถูกพรั่งพรูออกมา เขายกเท้าถีบประตูห้องนอนออกก่อนจะเหวี่ยงร่างของเว่ยโจวลงกับเตียงพร้อมกับตามไปคร่อมไว้ไม่ห่าง ยิ่งได้แนบชิดกันขนาดนี้ทำให้ตัวของสวี่เว่ยโจวดูเล็กลงไปกว่าเดิม เขาอดแปลกใจไม่ได้ทั้งๆที่เมื่อก่อนเว่ยโจวของเขายังไม่ตัวเล็กขนาดนี้ แต่วันนี้แค่เขาเอาตัวบังก็จมหายไปกับเตียงเสียแล้ว ฝ่ามือใหญ่ตรึงข้อมือเล็กไว้เหนือหัว ก่อนจะก้มลงไปมองใบหน้าอวดดีของคนใต้ร่าง

“ปล่อย!”

เว่ยโจวเค้นเสียงรอดไรฟันออกมาเขาโกรธมันจนแทบบ้าอยากจะต่อยหน้าแรงๆให้หายแค้นที่มันเหยียบศักดิ์ศรีเขาซะป่นปี้

“ ขัดขืนทำไม ชอบไม่ใช่เหรอ…บอกมาสิอยากให้เอาท่าไหน จะได้ไม่ต้องถ่อไปไกลถึงต่างประเทศให้คนเขามองว่าเป็นไอ้ตัวแบบนี้ ”

เว่ยโจวหน้าชาไปกับคำพูดที่อีกฝ่ายสาดใส่อย่างร้ายกาจเขารู้ว่าจิ่งหยูวกำลังขาดสติหน้ามืดเพราะถูกอารมณ์หึงหวงครอบงำ …ในเมื่ออยากทำร้ายความรู้สึกกันนัก ก็เอาให้มันพังกันไปข้างนึงเลยดีกว่า

“ความคิดต่ำๆ…ก็คู่ควรกับคนต่ำๆ”

สวี่เว่ยโจวจ้องตากับอีกคนโดยไม่มีการหลบ ชั่ววูบเขาเห็นแววตานั่นสั่นไหวเพราะคำพูดของเขาก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธและนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก ดวงตาคมกวาดสายตามองร่างข้างใต้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหยาบโลนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันที่จะได้ข่มเห่งไอ้คนอวดดีนี่ให้รู้สำนึก

“’งั้นก็แย่หน่อยนะ..ที่จะโดนคนต่ำๆแบบกู’เอา’ทั้งคืน”

สรรพนามในการแทนตัวเปลี่ยนไปจนสวี่เว่ยโจวแอบใจเสียไม่ได้ จิ่งหยูวไม่เคยพูดคำหยาบใส่เขาเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่ทะเลาะกันมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายหยาบคายก่อน แต่ในวันนี้คนตรงหน้าเหมือนไม่ใช่คนที่เขาคุ้นเคย แววตาที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนทำให้เว่ยโจวเริ่มจะกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ ร่างที่เล็กกว่าพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจาดการเกาะกุมนี้แต่กลับไร้ประโยชน์สิ้นดี หวงจิ่งหยูวใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดกดทับอีกคนไว้จนดิ้นไม่หลุด แววตาของเขาตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาสะท้อนของคนตรงหน้า หากนี่คือการร่วมรักทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจก็คงไม่ต่างจากการ’ข่มขืน’คนรักของตัวเอง..

คนที่โดนพิษของความหึงหวงครอบงำจนขาดสติจัดการฉีกทึ้งเสื้อยืดของอีกคนออกจนไม่เหลือชิ้นดีเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดตัวโคร่ง จิ่งหยูวจัดการเอาเศษผ้ามามัดปิดตาและผูกข้อมืออีกคนไว้กับหัวเตียง ก่อนจะก้มลงจู่โจมกับแผ่นอกขาวตรงหน้าอย่างรุนแรงไร้ความปราณี ไร้ซึ่งความอ่อนโยนและไม่มีการปลอบประโลมใดๆทั้งสิ้น ฟันคมครูดกับยอดอกสีสดก่อนจะกัดมันอย่างแรงจนคนใต้ร่างเกร็งตัวเพราะความเจ็บปวด

“ไม่!”

เว่ยโจวฝังหน้าลงไปกับหมอนฟันขาวกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นจนเลือดซิบ พยายามอดกลั้นตัวเองไม่ให้วาบหวามไปกับสัมผัสดิบเถื่อนนี้ จิ่งหยูวไล้เล็มไปเรื่อยๆดูดดุนด้วยความรุนแรงสลับกับขบกัดเนินเนื้อจนขึ้นรอยเป็นจ้ำเลือดทั่วบริเวณแผ่นอกบาง ใบหน้าคมสันซุกเข้ากับซอกคอขาวพร้อมกับสูดกลิ่นผิวเนื้อหอมกรุ่น กลิ่นกายของคนใต้ร่างทำให้อารมณ์ดิบในตัวเขาถูกปลุกเร้าขึ้นมาอย่างรุนแรง ฝ่ามือกร้านยกขึ้นมานวดคลึงผิวนุ่มมือที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงไปทั่วก่อนจะบดขยี้ยอดอกสีเรื่อนั่นอย่างไม่ออมแรง เว่ยโจวแอ่นอกขึ้นมารับสัมผัสวาบหวามนี้โดยอัตโนมัติแต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน

 

จิ่งหยูวจัดการดึงกางเกงและชั้นในของอีกฝ่ายออกเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าโชว์ผิวขาวเนียนที่ทำให้เขาสติหลุดไปวูบนึง มือใหญ่เค้นคลึงไปทั่วร่างอย่างหลงใหลผิวลื่นมือซะจนแทบอดใจไม่ไหว เขาผละออกมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองให้หมดทุกชิ้น ก่อนจะสอดตัวเข้าไปตรงกลางระหว่างขาเรียวทั้งสองข้างแยกมันออกกว้างจนเว่ยโจวเริ่มต่อต้านอีกครั้ง อาจเพราะมองไม่เห็นว่าตนจะโดนคนตรงหน้านี่ทำอะไรบ้างจึงทำให้เขาเกิดอาการหวาดกลัวร่างทั้งร่างเริ่มสั่นแต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ไม่ให้อีกคนได้ใจ

“ยกสะโพกขึ้น”

เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูจนขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่างไอร้อนระอุของคนที่ทาบทับอยู่เหนือร่างทำให้เว่ยโจวตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อต้นขาไปสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างเข้า ขาเรียวสองข้างพยายามหุบเข้าหากันเพื่อป้องกันตัวแต่กลับถูกท่อนแขนแข็งแรงตวัดมันขึ้นมาไว้ข้าวลำตัวทำให้ผิวเนื้อแนบชิดกันมากขึ้น มือใหญ่แยกขาเรียวออกกว้างสอดแทรกตนเข้าไปตรงกลางพร้อมบีบเฟ้นผิวเนื้อนุ่มมือนั่นอย่างหยาบโลน

“ใครสั่งให้หุบขา”

เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ มือข้างหนึ่งกอบกุมส่วนกลางลำตัวที่ตอนนี้ตึงเครียดเพราะแรงอารมณ์เบื้องต่ำเส้นเลือดปูดโปนรอบบริเวณท่อนเอ็นจนน่ากลัว เขานำ’มัน’ถูกับร่องสะโพกก่อนจะหลุดครางออกมาแผ่วเบา เว่ยโจวตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องรองรับสิ่งใหญ่โตนั่น แต่ที่หนักกว่านั้นคือจิ่งหยูวไม่แม้แต่ละโอ้โลมให้เขามีอารมณ์ร่วมด้วยสักนิด

“ไม่!อย่า!”

ไม่แม้แต่จะฟังเสียงร้องห้ามร่างสูงใหญ่ก็กระแทกตัวเข้ามาจนสุด เว่ยโจวแอ่นตัวขึ้นเพราะความเจ็บปวดแล่นปลาบไปตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงก้านสมองเหมือนเข็มร้อนๆนับพันเล่มกำลังจี้ลงมา เขากัดริมฝีปากที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากเขี้ยวคมนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ให้หลุดเสียงร้องออกมาลำคอแห้งผากเหมือนจะแหลกเป็นผง ทว่าจิ่งหยูวไม่แม้แต่จะสนใจเลือดที่ไหลออกมาจากช่องทางที่ฉีกขาดเพราะการกระทำที่รุนแรงของตัวเอง ของเหลวสีสดไหลเปรอะตามซอกขาเรียว เขาเริ่มขยับตัวเคลื่อนไหวอย่างสุขสมอยู่บนร่างที่แทบจะหมดสติไปเพราะถูกความเจ็บปวดกลืนกิน

 

“อืมมม”

เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับ ในตัวของสวี่เว่ยโจวตอดรัดเขาจนแทบคลั่ง มือใหญ่เอื้อมไปจับช่วงเอวคอดไว้ก่อนจะเร่งแรงอารมณ์ให้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เขาก้มลงไปแก้มัดผ้าที่ปิดตาออก เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่เคยสดใสแต่ตตอนนี้กลับแดงก่ำ หยดน้ำใสกลิ้งจากหางตาลงไปจนเปียกชุ่มหมอน ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นให้ได้ยิน….เจ็บใจ เจ็บใจที่โดนหยามศักดิ์ศรี แต่เจ็บใจตัวเองมากกว่าที่ไม่คิดจะปฏิเสธสัมผัสจากคนๆนี้ได้เลย

“แม่งเอ้ย!”

ใบหน้าหล่อเหลาเชิดหน้าขึ้นด้วยแรงอารมณ์ที่เริ่มโหมกระพือเขาสบถคำหยาบคายออกมาอย่างไร้สติ เอวสอบเร่งจังหวะขึ้นจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องห้องอย่างหยาบโลน แขนข้างนึงสวมกอดเข้าใต้สะโพกเล็กเพื่อเป็นหลักยึด

“อึก..”

เว่ยโจวเม้มปากแน่นเพราะสัมผัสที่โดนยัดเยียดมาถึงมันจะป่าเถื่อนและรุนแรงแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขาเริ่มมีอารมณ์ร่วมขึ้นมา แก่นกายร้อนผ่าวที่คับแน่นอยู่ในช่องท้องทำเอาสติเริ่มหลุด จิ่งหยูวเห็นดังนั้นจึงก้มลงไปแก้มัดเชือกที่ข้อมือให้และประกบจูบปากสีสดแสนยั่วยวนนั่นทันที ฟันคมไล่ขบกัดตั้งแต่ซอกคอขาว ลาดไหล่ แผ่นอก จนผิวขาวทั่วทั้งตัวขึ้นเป็นรอยจ้ำเลือดอย่างน่ากลัว ส่วนล่างยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องไม่มีผ่อน จวบจนที่สุดแห่งแรงอารมณ์จิ่งหยูวตวัดขาเรียวขึ้นพาดบ่ากว้างก่อนจะโหมกระหน่ำแรงอารมณ์อย่างเต็มที่

“อ..อาห์ ซี๊ดดดด”

ร่างสูงใหญ่กระแทกตัวเข้าไปในตัวอีกคนอย่างแรงจนปลดปล่อยออกมาในที่สุด จิ่งหยูวสบถคำหยาบออกมาไม่เป็นภาษาเขาถอนร่างออกมาพร้อมน้ำรักมากมายที่ไหลทะลักตามออกมามันไหลเปรอะไปตามซอกขาเรียวผสมกับเลือดสีสด เว่ยโจวหลับตาแน่นเพราะสมเพชสภาพตัวเองตอนนี้จนแทบอยากจะตายๆไปซะไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่ท่าทางว่าคืนนี้จะไม่ได้จบลงง่ายเพราะไม่ทันไรจิ่งหยูวก็ยกสะโพกเล็กจนตัวลอยให้นอนคว่ำหน้าลงกับเตียงหลังใหญ่ก่อนจะสวนกายเข้าไปอย่างรุนแรง ใบหน้าได้รูปของเว่ยโจวฟุบลงไปกับผ้าปูที่นอนเขากัดมันแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่ได้รับ

“แน่นเป็นบ้า”

เสียงทุ้มต่ำครางออกมาอย่างสุขสมมือหยาบลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนไปตามแนวกระดูกสันหลังอย่างหลงใหล ก่อนจะดึงแขนเรียวทั้งสองข้างมาหาตัวเอง ทำให้ร่างของอีกคนต้องแอ่นหน้าอกขึ้นตาม มือใหญ่ที่แข็งเหมือนคีมเหล็กบีบต้นแขนเรียวเล็กนั่นเพื่อระบายอารมณ์จนขึ้นรอยช้ำเลือดอย่างน่ากลัว สวี่เว่ยโจวเป็นคนผิวขาวมากแค่จับเบาๆยังขึ้นรอยแดงได้

จิ่งหยูวเอื้อมมือไปหยอกล้อกับยอดอกสีสดที่ตอนนี้ชูชันอย่างยั่วยวนเค้าเค้นเคลึงมันจนผิวบริเวณรอบขึ้นรอยแดงก่ำ ใบหน้าคมฝังลงกับไหล่เล็กแล้วออกแรงกัดจนผิวขาวๆนั่นห้อเลือด เว่ยโจวกัดฟันจนสันกรามแทบจะแตกละเอียด เจ็บแค่ไหนก็ห้ามร้องไห้ออกมา…มันน่าสมเพช

“รัดแน่นขนาดนี้…ชอบใช่ไหม”

จิ่งหยูวที่ตอนนี้ตกลงสู่ห้วงอารมณ์ราคะไม่มีสติที่จะสามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดตัวเองได้ต่อไป  เขาดันร่างเว่ยโจวลงกลับไปที่เตียงก่อนจะตามไปทาบทับไว้ไม่ให้เหลือช่องว่างระหว่างกัน จมูกโด่งสูดกลิ่นกายหอมจากหลังซอกคอขาว ก่อนจะฝากรอยไว้จนทั่วลำคอเพรียวเต็มไปด้วยร่องรอยที่แสนน่าอาย เว่ยโจวหลับตาแน่นภาวนาให้เหตุการณ์บ้านี้รีบผ่านไปเสียที

เอวสอบสวนกายกระแทกเข้าไปในร่างอีกคนอย่างรุนแรงแล้วปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เขาถอนตัวออกมาจากร่างตรงหน้า น้ำรักมากมายไหลย้อนออกมาตามซอกขาขาวร่างเล็กๆตรงหน้าสั่นเทิ้มอย่างน่าสงสารขาเรียวสองข้างพยายามหุบเข้าหากัน จิ่งหยูวมองภาพทั้งหมดด้วยสติที่แตกสลายไปเรียบร้อย เขาหมดความอดทนที่จะควบคุมอารมณ์หยาบช้านี่อีกต่อไป เขาตวัดกอดร่างข้างใต้ให้นอนหงายก่อนจะเริ่มกิจกรรมที่แสนเร่าร้อนใหม่ทั้งหมด

.

.

 

 

 

เวลาผ่านล่วงเลยไปจนไอแดดยามเช้าเริ่มลอดผ่านผ้าม่านทึบเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ภายในห้องสว่างขึ้นเลย บนเตียงใหญ่หลังนั้นร่างสองร่างกำลังสอดประสานรวมตัวเป็นคนๆเดียวกันตั้งแต่เมื่อคืน กลิ่นอายของเพศรสคละคลุ้งไปทั่วห้อง ข้าวข้องและเสื้อผ้าต่างกระจัดกระจายไปคนละทาง

“อืมมม สุดยอดเลยโจว”

สิ้นเสียงครางปลดปล่อย หวงจิ่งหยูวก้มลงไปจูบปลอบประโลมร่างข้างใต้ที่ตอนนี้ทั่วทั้งเนื้อตัวขาวโพลนตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับเต็มไปด้วยรอยฟันคมและจ้ำสีแดงห้อเลือดโดยเฉพาะแผ่นอกบางที่ตอนนี้เนินเนื้อและยอดอกบวมแดงเพราะถูกใช้งานมาอย่างหนัก รอบลำคอขาวมีรอยดูดและรอยฟันอยู่เต็มไปหมด แขนเรียวมีรอยช้ำสีม่วงเป็รรอยนิ้วมือใหญ่อย่างน่ากลัว ช่องทางรักด้านหลังที่ฉีกขาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าบวมแดงอย่างน่าสงสาร จิ่งหยูวรู้สึกว่าร่างตรงหน้าช่างดูยั่วยวนจนเขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ มือใหญ่ค่อยลูบไล้ตั้งแต่ช่วงอกลงมาจนถึงร่องสะโพก เว่ยโจวสะดุ้งเบาๆลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนละหลุดครางแผ่วเบา ความอดทนของหวงจิ่งอวี๋ขาดลงอีกครั้ง เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างที่แสนยั่วยวนเอาไว้พร้อมจ่อแก่นกายที่ถึงแม้จะผ่านศึกมาอย่างหนักแต่ก็ยังแรงไม่ตกไว้หน้าช่องทางสีสด

“ไม่..”

เสียงที่เคยหวานหูตอนนี้กลับแหบแห้งจนน่าสงสารร้องขออ้อนวอนให้เขาหยุด จิ่งหยูวทำหูทวนลมแล้วดันร่างเข้าไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงสะอื้นของใครบางคน เขาก้มลงมอง สวี่เว่ยโจวนอนหายใจรวยรินไม่มีแม้แต่แรงจะยกมือขึ้นห้ามเขาด้วยซ้ำ ดวงตาที่เคยฉายแววสดใสตอนนี้กลับหม่นหมองลงพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า

“ไม่เอาแล้ว..ไม่ไหว ขอร้อง..”

แขนเรียวเล็กยกขึ้นกอดตัวเองพร้อมกับขดตัวเข้ามาหากันเหมือนเด็กน้อยเวลาปกป้องตัวเองจากอันตรายทำให้ตัวที่เล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กเข้าไปอีก วินาทีนั้นหวงจิ่งหยูวเหมือนโดนฟ้าผ่าลงที่กลางหัว…นี่เขาทำอะไรลงไป? ไหนบอกว่าอยากดูแล ไหนบอกว่าอยากปกป้อง…จิ่งหยูวกวาดสายตาไล่มองคนรักตัวเองอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้น

จิ่งหยูวถอนกายออกมาแล้วก้มลงไปหาคนรักหวังจะดึงมากอดปลอบ แต่เว่ยโจวกลับสะดุ้งเมื่อมือเขาสัมผัสโดนตัว ทำเอาเขาใจเสียจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา…กลัวกันแล้วใช่ไหม… จิ่งหยูวมองคนรักด้วยสายตาที่ต้อพ้อเขานึกเกลียดตัวเองที่ทำให้คนๆนี้ต้องเจ็บปวด

“โจว…พี่ขอโทษ”

“…”

“โจวให้พี่กอดเราได้ไหม”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“…ออกไป”

“โจว…”

“…”

เว่ยโจวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองไว้ก่อนจะหันหลังให้คนรัก…เขาไม่อยากจะรับฟังอะไรตอนนี้ จิ่งหยูวจึงจำเป็นต้องข่มใจเดินออกมาจากห้องตามความต้องการของอีกคน ก่อนที่อะไรจะแย่ไปกว่านี้….

.

.

.

เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็น เว่ยโจวสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก คงเป็นเพราะอะไรๆที่มันค้างอยู่ในตัว นึกได้เขาจึงตัดสินใจลุกไปล้างตัวที่ห้องน้ำ แต่เมื่อขาสัมผัสกับพื้นความเจ็บก็แล่นแปลบขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังทันที เพราะต้องรองรับอารมณ์รุนแรงเมื่อคืนจึงทำให้ไม่สามรถลงน้ำหนักที่เท้าทั้งสองได้ดีนัก เว่ยโจวค่อยๆพยุงตัวเองไปจนถึงห้องน้ำ เมื่อถึงบริเวณอาบน้ำก็จัดการเปิดน้ำเตรียมชำระร่างกายหันหลังพิงกำแพงไว้เป็นหลัก นิ้วเรียวค่อยๆสอดเข้าไปในช่องทางด้านหลังที่บอบช้ำของตัวเองช้าๆ นิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนน้ำตาซึมออกมา ฟันขาวกัดริมฝีปากที่เต็มไปด้วยแผลจนปากแผลปริเลือดไหลซึมออกมา

 

“อืออ”

เสียงครางออกมาแผ่วเบาเมื่อค่อยๆถอนนิ้วตัวเองออก น้ำรักมากมายที่คั่งคาไว้ก็ไหลลงมาตามเรียวขา เจ้าตัวนิ้วหน้าเพราะความเจ็บและกระดากอายตัวเอง

สวี่เว่ยโจวปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองไหลไปเรื่อย คิดทบทวนถึงเหตุการณ์เลวระยำเมื่อคืนที่จิ่งหยูวได้กระทำกับตัวเขา เว่ยโจวไล่มองร่างกายตัวเองที่ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเต็มไปหมดบางรอยก็ขึ้นเป็นสีม่วงช้ำเลือดอย่างน่ากลัว รอยขบกัดที่ผิวเนื้ออย่างหยาบโลน หนักสุดคือบริเวณแผ่นอกขาวที่เต็มไปด้วยรอยแดงน่ากลัวยอดอกสีสดตอนนี้กลับบวมและขึ้นสีแดงก่ำเพราะถูกกระทำรุนแรงจนตอนนี้เพียงสัมผัสแผ่วเบายังทำเอาเจ็บจนแทบหมดสติ อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาอาบแก้มขาว..ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น…

ถูกกระทำเหมือนไม่ใช่คนรักกัน ถูกหยามศักดิ์ศรี เหมือนเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ฟันขาวขบกัดริมฝีปากที่ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด สวี่เว่ยโจวปล่อยให้น้ำตามันไหลไปพร้อมกับสายน้ำที่ชำระร่างกาย พร้อมกับภาพตรงหน้าที่ค่อยๆมืดดับไป…..

 

TBC..

[SF] Huangjingyu x Xuweizhou“งอน….ง้อ”-part1

 

hqdefault copy

.

.

.

.

.

.

.

“วันนี้ขอบคุณทุกคนมาก…ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

หวงจิ่งหยูวโค้งตัวอย่างนอบน้อมให้กับทีมงานนิตยสารที่เขาถูกจ้างมาถ่ายแบบในวันนี้ แต่ทันทีที่เสร็จจากงานเขาก็ขอตัวกลับบ้านแทบจะทันทีแถมยังปฎิเสธงานสังสรรค์ที่ทีมงานจะจัดหลังจากนี้ด้วยทำเอาทั้งสาวเล็กสาวใหญ่บ่นเสียดายกันเป็นแถบ

“ทำไมรีบกลับนักล่ะคะไม่สนใจไปดื่มด้วยกันก่อนเหรอ”

น้ำเสียงออดอ้อนของนางแบบสาวสวยที่ร่วมงานด้วยกันวันนี้เอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวบางได้รูปที่อยู่ในเดรสสั้นเดินเข้ามาเกาะท่อนแขนแกร่งจนทำให้หน้าอกหน้าใจของสาวเจ้าแนบชิดซะจนชายหนุ่มชะงักไป หวงจิ่งหยูวก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าหวานหยดที่หนุ่มๆทุกคนต่างหลงใหลจนได้กลิ่นน้ำหอมเจือจางทำเอานางแบบสาวสวยชะงักไปเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่ใกล้เพียงคืบก่อนริ้วสีแดงจะพาดบนพวงแก้มใส ดวงตาคมกล้ามองปฎิกิริยาทั้งหมดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ผมมีคนรักแล้ว..ขอโทษด้วยที่ต้องบอกตรงๆแบบนี้ ผมให้ในสิ่งที่คุณต้องการไม่ได้..นอกจากเรื่องงานแล้วเราก็ไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องข้องเกี่ยวกัน หวังว่าคุณจะเข้าใจ…ขออนุญาตินะครับ”

ใบหน้าคมถอยห่างออกมายืดตัวยืนเต็มความสูงก่อนจะแกะมือเล็กของหญิงสาวออกจากแขนตัวเองพร้อมมองด้วยสายตาที่ทำให้เธอรู้ว่าทุกอย่างที่เขากล่าวมาคือความจริง ไร้วี่แววการล้อเล่น เขารู้ดีว่านางแบบสาวสวยคนนี้ต้องการอะไรถ้าเป็นเมื่อก่อนหวงจิ่งหยูวก็อดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาอาจจะยอมไปดื่มตามที่เธอเชิญชวนแล้วไปจบกันที่โรงแรมสักที่ แต่ตอนนี้ต่อให้มีนางแบบระดับท็อปสักสิบคนมาอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามรถดึงความสนใจจากเขาไปได้ ร่างสูงใหญ่ก้มโค้งให้ผู้หญิงตรงหน้าเป็นการขอโทษที่เสียมารยาทกับเธอแล้วหันตัวเดินออกมาจากบริเวณนอกตัวอาคารไปที่โรงจอดรถด้วยความเร่งรีบ…คิดถึงไอ้ตัวแสบที่บ้านจะตายอยู่แล้ว…

ทันทีที่ถึงบ้านชายหนุ่มก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านแทบจะทันทีเขาสังเกตุเห็นไฟที่ห้องรับแขกยังเปิดสว่างอยู่ แสดงว่าตัวแสบของเขายังรอเขากลับบ้านอยู่แน่ๆไม่ยอมไปนอน ไอ้เด็กดื้อนี่เดี๋ยวพ่อจับฟัดซะให้ลืมบ้านเลขที่เลย

ขายาวค่อยๆก้าวเข้าไปหลังโซฟาที่มีร่างสูงโปร่งของคนๆหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น เมื่อเข้าไปใกล้ๆก็ยิ่งสงสัยทำไมสวี่เว่ยโจวของเขานั่งพูดอยู่คนเดียว หัวเราะเอิ๊กอ๊ากซะด้วย ร่างสูงกะจะกอดไอ้แสบด้วยความคิดถึงแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของคนตรงหน้า…นี่สินะเหตุผลที่ทำให้หัวเราะเสียงสดใสขนาดนั้น…กำลังเฟสไทม์กับพี่ชายที่แสนดีที่มีหน้าที่เป็นการ์ดมาก่อน…เสี่ยวฉือ..มึงอีกแล้ว!

จากใบหน้ายิ้มแย้มตอนนี้กลับบึ้งตึงในทันทีหวงจิ่งหยูวยืนกอดอกมองไอ้ตัวแสบของเขาที่กำลังคุยกับปลายสายด้วยท่าทางมีความสุขซะจนเส้นเลือดข้างขมับเขาเต้นตุบๆ…ออดอ้อนผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตาเลยนะสวี่เว่ยโจว!!

“กลับบ้านแล้วอย่าลืมแวะมาหากันบ่อยๆนะ”

‘เออน่า..ถ้าว่างนะ’

“ฝากคิดถึงซ้อด้วย บอกหลานด้วยว่าพี่โจวจ๋าคนนี้คิดถึงม้ากมาก

‘เออๆ เดี๋ยวพี่บอกให้…ดูแลตัวเองให้ดีล่ะพี่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้ว กินข้าวซะบ้าง ผอมไปตูดเหี่ยวหมดแล้ว ทุเรศหวะ ระวังผัวนอกใจ ฮ่าๆๆๆๆๆ’

“พูดมากโว้ยย!!!!”

สวี่เว่ยโจวเอาหน้าเข้าไปใกล้จอพร้อมกับตะโกนใส่สุดเสียงกะให้คนปลายสายหูแตกไปข้าง

‘โจว’

“ไร”

‘ไหนบอกอยู่คนเดียว’

“ก็อยู่คนเดียวไง..ไรของพี่วะ”

คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน เสี่ยวฉือพูดอะไรของมัน ก็บอกไปแล้วว่าอยู่คนเดียวไอ้ยักษ์นั่นก็ยังไม่กลับซะหน่อยหรือเสี่ยวฉือมันหลอน ก็ไม่แปลกหรอกคนเคยมีเรื่องกันมาก่อน…ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่ไอ้หมาบ้านั่นหวงเขาซะจนเกินความจำเป็น คิดแล้วยังอดขนลุกไม่ได้วันนั้นเสี่ยวฉือได้เลือดนิดหน่อย แต่เขาได้หยอดน้ำข้าวต้มแทน ก็ไอ้บ้าขี้หวงแซ่หวงนั่นเล่นงานเขาซะจนลุกไม่ได้ไปสองวันสองคืน นึกแล้วอยากจะร้องไห้ชะมัด พับผ่า!

‘หันไปมองหน่อยไหม’

“นี่เมานมลูกหรอหรือซ้อไม่ยอมให้เข้าห้อง??”

‘หึหึ…ปากดีไปเถอะ…ไปละ’

“เออๆ รีบไปเลยรำคาญ”

สวี่เว่ยโจวหงุดหงิดความกวนตีนของไอ้พี่ชายนี่เกินจะทน แต่ก่อนจะวางสายไป เสี่ยวฉือกลับพูดคำนึงที่ทำเอาคนทางนี้ถึงกับขนลุก

‘คิดถึงนะครับตัวแสบ…หึหึ’

กดวางสายแทบจะไม่ทันอยู่ๆก็พูดอะไรที่มันชวนอ้วกออกมา ปกติเสี่ยวฉือเคยพูดดีๆกับเขาที่ไหนถ้าไม่ต้องที่จะยั่วโมโหใครบางคน เว่ยโจวรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลังทันที ฉิบหาย…หรือที่เสี่ยวฉือมันพูดแบบนั้นเพราะ…..

“ไง…คุยกับพี่ชายแสนดีสนุกไหม”

เว่ยโจวค่อยๆหันหน้าไปทางต้นเสียงเย็นเฉียบนั่นก็พบกับใบหน้าคมที่แสยะยิ้มเหี้ยมยืนกอดอกอยู่หลังโซฟา ขนอ่อนที่หลังคอลุกชูชันไอ้รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมานี่คืออะไร…แต่คนอย่างสวี่เว่ยโจวก็ใช่จะสนใจทำใจดีสู้เสือเมินๆมันไป

“กลับมาแล้วหรอ นั่งๆๆๆเดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน”

ไอ้ตัวแสบรีบกุลีกุจอมาดึงแขนเขาให้ไปนั่งบนโซฟาก่อนจะวิ่งแจ้นเข้าครัวไปหลบหนีความผิด ที่จริงเขาไม่ได้โกรธอะไรเรื่องเสี่ยวฉือแล้วแต่ก็ยังคงหมั่นไส้มันอยู่บ้างเพราะมีไม่กี่คนที่สวี่เว่ยโจวของเขาจะแสดงด้านนี้ออกมาให้เห็นและเสี่ยวฉือคือหนึ่งนั้นมันคือคนที่ทำให้ไอ้แสบนี่ยิ้มออกมาจากใจได้ ในฐานะลูกผู้ชายคนนึงเขานับถือเสี่ยวฉือไม่น้อยที่คอยดูแลไอ้เจ้าเด็กแสบนี่อย่างดีมาตลอด

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะต้องแยกตัวออกไปเพื่อไปดูแลกิจการที่บ้านเกิดแต่เว่ยโจวของเขาก็ยังคงโทรหาพี่ชายคนนั้นเสมอ จิ่งหยูวเข้าใจแต่ที่แกล้งทำเป็นเคืองนี่ก็เพื่อต้องการแกล้งเด็กก็เท่านั้น เขาแค่ชอบเวลาที่สวี่เว่ยโจวรู้สึกเป็นกังวลเรื่องที่เขาหึงหวงตนกับเสี่ยวฉือ ถึงเวลานั้นจากสวี่คนแมนมักกลายเป็นโจวโจวแมวน้อยคอยออดอ้อนตามใจเขาทุกอย่าง แค่คิดก็เร้าใจป๋าเป็นบ้า..

สายตาคมกล้าจ้องมองร่างที่วิ่งดุ๊กๆออกมาจากครัวในมือถือจานแซนวิชกับแก้วนมมุ่งหน้ามาทางเขา เว่ยโจววางของทั้งหมดลงก่อนจะโดดลงนั่งข้างๆบนโซฟาตัวเดียวกัน

“อ่ะ แซนวิชทำเองเลยนะ กินเข้าไปซะ เร็วๆๆๆ”

หวงจิ่งอวี๋มองริมฝีปากสีสดที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดเขาไม่ได้สนใจแซนวิชทูน่ากับนมสดแก้วโตตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเว่ยโจวที่เขาชอบ ฟันคมงับลงที่ริมฝีปากอิ่มแผ่วเบาแล้วถอยออกมาเล็กน้อยมองดูไอ้ตัวแสบที่หน้าขึ้นซับสีเลือดแต่ก็ยังคงพยายามไม่หลุดมาดออกไป

“ทำบ้าอะไรวะ”

บ่นเสียงกระเง้ากระงอดแล้วดันร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้าออกไป มือเรียวยกขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อ ปฏิกิริยาทุกอย่างอยู่ในสายจาของจิ่งหยูวทั้งหมด…น่ารักเป็นบ้า เขารวบมือคู่นั้นแล้วดึงร่างที่เล็กกว่าเข้ามาแนบชิดซะจนกลิ่นกายหอมฟุ้งนั่นทำเอาสติเขาแทบหลุด

“พี่ไม่หิวข้าว”

ใบหน้าคมก้มลงไปข้างใบหูที่ตอนนี้แดงจัดซะจนน่าสงสารเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเอ่ยออดอ้อนคนรักก่อนริมฝีปากร้อนจะแนบไปกับลำคอขาวแล้วดูดดุนเนื้อส่วนนั้นแผ่วเบา…โดนแค่นี้ตัวยังแดงไปหมดแล้ว…ให้ตายเถอะว่ะ!!

“ฮื่ออ ถอยออกไป”

เว่ยโจวร่นคอหนีสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะเขมือบเขาได้ตลอดเวลาตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆโซฟามาเช็คดู เห็นพี่ผู้จัดการบอกว่าคลิปที่เขาไปถ่ายแบบที่ผ่านมาออกแล้วเลยกะว่าจะเปิดดูพร้อมคนข้างๆที่ตอนนี้กำลังกลายร่างเป็นมือปลาหมึกคอยกอดพันรอบเอวเขาซะแน่นจนหายใจไม่ออก จิ่งหยูวดึงร่างที่เล็กกว่ามานั่งไว้กลางหว่างขา เว่ยโจวของเขาตัวเล็กลงกว่าเดิมมากทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ตัวเล็กกว่าเขาไม่เท่าไหร่ยังกอดได้เต็มไม้เต็มมือ แต่เดี๋ยวนี้กอดทีก็จมหายไปกับอกเขาซะแล้ว กล้ามที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแขนขาเรียวเล็ก เอวก็บางซะจนเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรรุนแรงด้วย

แขนแข็งแรงสอดเข้าโอบเอวเล็กๆแล้วดึงตัวให้มาแนบชิดกันจนไม่มีช่องว่าง ใบหน้าคมเกยบนลาดไหล่เล็กจมูกโด่งหันเข้าซุกซอกคอหอมกรุ่นตรงหน้ามันให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและสบายอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหายวับไปในพริบตา อีกคนก็ทิ้งตัวพิงอกอุ่นๆด้านหลังอย่างเคยชินพร้อมกับนั่งดูคลิปถ่ายแบบของตัวเองไปเรื่อยตากลมโตจ้องมือถือของตัวเองมีบางครั้งก็ยิ้มไม่ก็หัวเราะในความหล่อของตัวเอง จนทำให้จิ่งหยูวอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้เลยจัดการงับใบหูนิ่มนั่นแรงๆทีนึง

“โอ้ย! อย่ากัดสิวะ!”

เว่ยโจวสะดุ้งโหยงเพราะอยู่ดีๆไอ้คนข้างหลังก็มากัดหูกันดื้อๆ เป็นหมาเรอะ!!!

ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากแล้วกดจมูกฝังลงกับแก้มนุ่มจนอีกคนตัวเอียงไปข้าง จิ่งหยูวกลับมาก่อกวนไอ้ตัวแสบของเขาอีกครั้งโดยการสอดมือเข้าไปลูบหน้าท้องแบนราบใต้เสื้อยืดลายแมวตัวหลวมโพรกที่เจ้าตัวชอบใส่เวลานอน ผิวเนียนลื่นมือทำเอาสติของเขากระเจิงหนีไปหมดเสียงทุ้มต่ำพึมพำข้างๆซอกคอขาวจนทำให้อีกคนเริ่มอยู่ไม่สุข แต่ก็ทำเมินไม่สนใจเพราะมีอีกสิ่งที่ดึงความสนใจของเขาไปได้คือคลิปที่เขาไปถ่ายแบบให้เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งที่ญี่ปุ่น แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะฉากนึงในคลิปนั่นคือตอนที่เขากำลังแช่ออนเซ็นโดยไม่ได้ใส่เสื้อ! เว่ยโจวรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงพลันหันกลับไปมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังทันที

ไม่ได้…ให้มันรู้ไม่ได้ว่าเขาเปลือยถ่ายแบบถึงจะไม่ได้ถอดทุกชิ้นแต่ครั้งที่แล้วก็ทะเลาะกันเกือบตายเพียงเพราะชุดที่ใช้ถ่ายแบบมันแหวกไป แต่นี่เกือบเห็นทุกส่วนเลยแถมยังแช่ในบ่อน้ำร้อนด้วยท่าทางล่อแหลมนั่นอีก… ถ้าจิ่งหยูวรู้เขาตายแน่!

“เป็นอะไรครับ หืม”

“ม..ไม่มีอะไร”

“เหงื่อตกเลย ร้อนเหรอ?”

จิ่งหยูวสังเกตุว่าข้างขมับนั้นเริ่มชื้นเหงื่อเล็กน้อยเขาคลายอ้อมกอดออกเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนร้อน แต่ท่าทางของเว่ยโจวดูลนลานผิดสังเกตจนทำให้เขาเริ่มแปลกใจ

“ในโทรศัพท์นั่นมีอะไร”

เขาเอ่ยถามออกไปเพียงแค่นี้ก็ทำเอาคนที่พยาพยามจะปิดบังลนลานหนักกว่าเดิม สวี่เว่ยโจวไม่ใช่คนที่โกหกเก่งสักเท่าไหร่ ง่ายๆคือโกหกไม่เป็นเลยจะดีกว่า

“ม..ไม่มีอะไร”

“เสียงสั่นทำไม?”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า”

เว่ยโจวพยายามปรับเสียงให้เป็นธรรมชาติที่สุด

“ไหน…พี่ขอดูหน่อย”

จิ่งหยูวยื่นมือไปตรงหน้าอีกคนที่ตอนนี้ย้ายไปนั่งอีกฝั่งของโซฟาจนแทบจะฝังตัวลงไปกับพนักพิงแล้ว…โคตรจะไม่มีพิรุธเลย!

“โจวพี่ขอดูมือถือหน่อย”

จิ่งหยูวพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ปกติที่สุด ตอนนี้เขาเริ่มไม่สนุกแล้ว มีอะไร?ทำไมต้องปิดบังกันนักหนา?

“โจวโจว”

เขาพยายามพูดอย่างใจเย็นไม่ใส่อารมณ์ทั้งๆที่ตอนนี้ในใจกำลังเริ่มเดือด ยิ่งคนตรงหน้าเริ่มมีอาการลนลานมันทำให้ความอดทนของเขาเริ่มหมดลง

“สวี่เว่ยโจว!”

จิ่งหยูวเผลอตะคอกออกไปด้วยแรงอารมณ์หึงหวงทำให้อีกคนสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาพุ่งไปแย่งมือถือเจ้าปัญหาในมือของอีกคนได้สำเร็จแล้วเปิดดูทันทีว่าสิ่งที่จะปิดบังกันคืออะไร ทันทีที่ปลดล็อคหน้าจอเขาก็พบไอ้คลิปที่อีกคนพยายามปิดบังทันที หวงจิ่งอวี๋นั่งดูมันด้วยความนิ่ง ทุกการเคลื่อนไหวของภาพทุกภาพผ่านตาเขาไปตั้งแต่ต้นจนจบ

“นี่อะไร?”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับคนตรงหน้าใบหน้านิ่งซะจนอีกคนใจเสีย

“ก..ก็ถ่ายแบบไง”

“หึ..ต้องทำขนาดนี้เลย?”

“มันเป็นงาน”

เว่ยโจวพยายามระงับสติอารมณ์ตัวเองไว้ให้มากที่สุดพยายามชินกับอาการหึงหวงรุนแรงของคนรักเขารู้ดีว่าถ้าตอนนี้แรงใส่กันทั้งคู่มีแต่จะเสียกับเสีย…..แต่ก็แย่หน่อยเพราะเขามันเป็นพวกความอดสูงซะเมื่อไหร่..

“งานบ้าอะไร!”

“งานก็คืองาน”

“ชอบสินะอะไรที่มันเปลืองตัวแบบนี้ คิดจะยั่วไอ้ตัวผู้ที่ไหนอีก!”

จิ่งหยูวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกระชากข้อมือเล็กให้เข้ามาใกล้ตัว เขาพยายามยั้งมือไม่ลงแรงกับคนตรงหน้า แต่ไอ้คนหัวรั้นกลับจ้องหน้าเขาซะไม่วางตา สวี่เว่ยโจวรู้สึกหน้าชาไปกับคำที่พึ่งหลุดออกมาจากปากของใครอีกคนและความอดทนของเขาก็ได้หมดลงไปพร้อมกับคำพูดเหล่านั้นเรียบร้อย ทำไม..ทำไมต้องพูดจาดูถูกกันขนาดนี้…

“เออ!ก็กูมันไม่ได้เป็นนายแบบที่เพอร์เฟ็คเหมือนมึงนี่!!”

เมื่อกำแพงความอดทนของสวี่เว่ยโจวพังลง สิ่งที่อดกลั้นเอาไว้ก็ต่างไหลทะลักออกมา เขาโกรธจนตัวสั่น ไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจอะไรเลย ทำไมต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย เขาผิดอะไร นั่นเป็นเพียงแค่งานไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องคอยหึงหวงกันไม่เข้าเรื่องด้วย

“พูดให้มันดีๆนะ!”

ฝ่ายที่โดนคนอายุน้อยกว่าพูดคำหยาบใส่ขบกรามแน่นเขาไม่ชอบที่เว่ยโจวขึ้นคำหยาบในเวลาที่กำลังโกรธหรือทะเลาะกัน เพราะมันจะทำให้สถาณการณ์ดูย่ำแย่ลงกว่าเดิมมาก…

TBC…